ด้วยเจตนาที่ต้องการส่งเสริมการออมเงินระยะยาวสำหรับชีวิตหลังเกษียณกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จึงเกิดขึ้นพร้อมกับการได้รับสนับสนุนในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่นเดียวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เกิดขึ้นพร้อมกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเพื่อช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีหลักทรัพย์ผันผวนตามแรงซื้อขาย ซึ่งจะทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามทั้งการลงทุนในRMF และ LTF นั้นมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวโยงกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ลงทุนซึ่งผู้เขียนเห็นว่ายังมีประเด็นการยกเว้นภาษีที่น่าสนใจและมีรายละเอียดที่แตกต่างเพิ่มเติมมากขึ้นนับจากที่ได้มีการประกาศใช้กฎหมาย บทความนี้จึงสรุปภาพรวมสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนกัมปนาท บุญรอด*ดังกล่าวที่ได้มีการปรับปรุงล่าสุดพร้อมยกตัวอย่างประเด็นพิจารณาที่น่าสนใจและแนวคำวินิจฉัยใหม่ๆ เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์และเพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดกับผู้ลงทุนต่อไป กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)RMF ย่อมาจากคำว่า RetirementMutual Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ” เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง (กองทุนรวม หมายถึง การนำเงินของผู้ลงทุนหลายๆ คนมารวมกัน แล้วมีมืออาชีพซึ่งก็คือบริษัทจัดการ คอยบริหารจัดการเงินตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้) ซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปคือ RMFเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณที่ทางการให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ RMFเหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) มารองรับ หรือมีสวัสดิการดังกล่าวแล้วแต่ยังมีกำลังออมเพิ่มมากกว่านั้น โดยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรได้แก่ ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและการถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
