เลขที่หนังสือ | : กค 0811/17583 |
วันที่ | : 30 ธันวาคม 2541 |
เรื่อง | : ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีฐานภาษีที่ใช้ในการคำนวณสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 |
ข้อหารือ | : 1. บริษัท ก. ใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งบริษัท ก. ได้รับเงินค่าขาย จาก ปรส. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2541 ตามรายละเอียดดังนี้ ราคาซื้อ 106.00 ล้านบาท หัก จำนวนเงินหักครั้งที่ 1 (1.96) ล้านบาท ราคาซื้อสุทธิ 104.04 ล้านบาท หัก สำรองปรับปรุงเงินต้น (1.31) ล้านบาท สำรองการชดใช้คืน (21.00) ล้านบาท ค่าธรรมเนียมการขาย (1.06) ล้านบาท ประมาณการค่าธรรมเนียมที่ปรึกษา (1.06) ล้านบาท ยอดเงินจัดสรรสุทธิ 79.61 ล้านบาท หมายเหตุ จำนวนเงินหักครั้งที่ 1 คือ จำนวนเงินต้นรับชำระโดยผู้ขาย (บริษัท ก.) ในช่วง 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2541 ดังนั้น องค์การฯ ขอหารือว่า ก. จำนวนเงินรับชำระที่จะนำไปคำนวณเสียภาษีควรเลือกใช้จากจำนวนใด ระหว่าง ข้อ 1.1, 1.2 หรือ 1.3 1.1 เงินรับชำระ = ราคาซื้อ = 106.00 ล้านบาท 1.2 เงินรับชำระ = ราคาซื้อสุทธิ = 104.04 ล้านบาท 1.3 เงินรับชำระ = ราคาซื้อ-สำรองปรับปรุงเงินต้น-สำรองการชดใช้คืน = 106.00 – 1.31 – 21.00 = 83.69 ล้านบาท ข. ถ้าเลือกใช้กรณี 1.2 ภายหลังเมื่อบริษัท ก. ได้รับชำระเงินสำรองปรับปรุง เงินต้น, สำรองการชดใช้คืน และได้รับใบแจ้งหนี้ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาในเดือนใด จึงนำไปคำนวณเพื่อ การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะภายใน 15 วัน นับจากวันสิ้นเดือนที่ได้รับชำระ ใช่หรือไม่ 2. เมื่อผู้ขายใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีรับชำระเงินจากผู้ซื้อจะต้อง นำเงินที่ได้รับชำระมาเฉลี่ยตามสัดส่วนระหว่างจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยของลูกหนี้แต่ละราย แล้วนำ ดอกเบี้ยที่เฉลี่ยได้ดังกล่าวมาเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนภาษีที่ได้รับชำระเงิน ดังนั้น บริษัท ก. ควร เลือกใช้ ยอดเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันใด เป็นฐานในการเฉลี่ย ระหว่างวันปิดบัญชี (วันที่ 31 พ.ค. 2541) กับวันปิดการจำหน่าย (วันที่ 1 ต.ค. 2541) เนื่องจากดอกเบี้ยที่ต้องนำไปเสียภาษีแต่ละงวด ระยะเวลาแตกต่างกัน 31 พ.ค. 2541 1 ต.ค. 2541 (ล้านบาท) (ล้านบาท) เงินต้นคงค้าง 223.00 220.00 ดอกเบี้ยคงค้าง 9.00 11.00 % ดบ.ที่จะต้องนำมาเสียภาษี 3.88 4.76 เงินรับงวดแรกจาก ปรส. (กรณีเลือกข้อ 1.1) 106.00 106.00 ดบ.ที่จะต้องนำมาเสียภาษีตามสัดส่วน 4.11 5.05 3. กรณีตาม 2. ดอกเบี้ยคงค้างที่จะนำมาเฉลี่ยเพื่อคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น ต้องนำ ดอกเบี้ยในส่วนที่บริษัท ก. ได้หยุดรับรู้ (memo interest) มารวมคำนวณด้วยหรือไม่ เนื่องจากมี ลูกค้าบางรายที่บริษัทหยุดรับรู้รายได้เหตุเพราะค้างชำระหนี้เกิน 6 เดือน ซึ่งบริษัทจะบันทึกไว้เป็น memo interest ในการ์ดลูกหนี้รายตัวแทนการบันทึกบัญชี 31 พ.ค. 2541 % ดอกเบี้ยที่ จำนวนดอกเบี้ย เสียภาษี เสียภาษี (ล้านบาท) (ล้านบาท) เงินรับงวดแรกจาก (ปรส.) 106.00 (กรณีเลือกข้อ 1.1) เงินต้นคงค้าง 223.00 ดอกเบี้ยคงค้าง 9.00 3.88 4.11 ดอกเบี้ยคงค้าง + memo- interest 11.61 4.95 5.25 4. ตามหนังสือกรมสรรพากร เรื่อง การขยายกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการชำระภาษี หรือนำส่งภาษีในทุกประเภทภาษีในส่วนของกรมสรรพากร โดยขยายเวลานำส่งภาษีออกไปอีก 2 เดือน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีหรือนำส่งภาษี ดังนั้น กรณีภาษีธุรกิจเฉพาะ บริษัท ก. สามารถยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีภายใน 15 มกราคม 2542 ใช่หรือไม่ หากบริษัท ก. ได้รับ เงินจากการขายสินเชื่อที่อยู่อาศัย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2541 |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. จำนวนเงินรับชำระที่บริษัท ก. จะนำไปคำนวณเสียภาษีต้องใช้ราคาซื้อ จำนวน 106.00 ล้านบาท ตาม 1.1 เนื่องจากถือเป็นเงินได้ที่บริษัท ก. ได้รับชำระทั้งสิ้น 2. กรณีตาม 2. การเฉลี่ยตามสัดส่วนระหว่างจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยของลูกหนี้แต่ละ ราย บริษัท จ. จะต้องใช้ยอดเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันปิดการจำหน่าย (วันที่ 1 ตุลาคม 2541) เนื่องจากถือเป็นวันที่ผู้ขายโอนบรรดาสิทธิทั้งหมดที่ตนมีตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อ 3. กรณีตาม 3. ดอกเบี้ยคงค้างที่จะนำมาเฉลี่ยเพื่อคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะตาม 2. นั้น จะต้องนำดอกเบี้ยในส่วนที่บริษัท จะ ได้หยุดรับรู้รายได้ (memo interst) จนถึงวันปิดการจำหน่าย มารวมคำนวณด้วย 4. กรณีตาม 4. หากบริษัท ก. ได้รับเงินจากการขายสินเชื่อที่อยู่อาศัยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2541 บริษัท ก. มีสิทธิยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีภายในวันที่ 15 มกราคม 2542 |
เลขตู้ | : 61/27376 |