• Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/16714 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และการขอคืนภาษี

เลขที่หนังสือ กค 0811/16714 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และการขอคืนภาษี

  • Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/16714 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และการขอคืนภาษี

เลขที่หนังสือ กค 0811/16714 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และการขอคืนภาษี

เลขที่หนังสือ : กค 0811/16714

วันที่ : 4 ธันวาคม 2541

เรื่อง : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และการขอคืนภาษี

ข้อกฎหมาย : มาตรา 27 ตรี, มาตรา 42, มาตรา 50(2)(ข), มาตรา 54, มาตรา 57 เบญจ

ข้อหารือ : 1. บุคคลธรรมดา นำเงินไปฝากธนาคาร ในการจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารผู้จ่ายจะหัก
ไว้ในอัตราร้อยละเท่าไร ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยต้องปฏิบัติเหมือนกันทุกแห่งหรือไม่และหากหักไว้ไม่
ครบถ้วนจะต้องรับผิดกรณีใดบ้าง
2. สามี-ภริยา ต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ประเภทเงินเดือน และถึงเกณฑ์ที่จะต้องยื่นแบบแสดง
รายการภาษีเงินได้ โดยฝ่ายภริยาได้รับเงินปันผลจากบริษัทอีกจำนวนหนึ่ง ในการยื่นแบบแสดงรายการ
เงินปันผลฝ่ายใดมีหน้าที่ต้องนำไปยื่นแบบแสดงรายการ
3. การขอคืนภาษีอากร จะขอคืนได้ภายในระยะเวลาเท่าใด

แนววินิจฉัย : 1. กรณีบุคคลธรรมดา มีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ที่ไม่เข้าลักษณะเงินได้ที่ได้
รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42 (8) (19) และ (17) แห่งประมวลรัษฎากร
ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ข้อ 2 (11) (21) (22) (38) (46) ลงวันที่
23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ให้ผู้จ่ายเงินได้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ของ
เงินได้ ตามมาตรา 50 (2) (ข)แห่งประมวลรัษฎากร กรณีตามข้อเท็จจริงธนาคารผู้จ่าย
ดอกเบี้ยเงินฝากต้องปฏิบัติเหมือนกันทุกแห่ง โดยคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ของ
ดอกเบี้ยทุกคราวที่จ่ายดอกเบี้ย และหากหักไว้ไม่ครบถ้วน ต้องรับผิดดังนี้
(1) ความรับผิดทางแพ่ง
(ก) ในกรณีที่ผู้จ่ายไม่ได้หักและนำส่ง หรือได้หักและนำส่งแล้วแต่ไม่ครบจำนวนที่
ถูกต้องผู้จ่ายและผู้มีเงินได้จะต้องรับผิดร่วมกันในจำนวนภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนที่มิได้หักและนำส่ง
หรือตามจำนวนที่นำส่งขาดไปแล้วแต่กรณี ตามมาตรา 54 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร
(ข) ในกรณีที่ผู้จ่ายไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย แม้ต่อมาผู้มีเงินได้หรือผู้เสียภาษีได้นำ
เงินเสียภาษีไปชำระแล้วก็ตาม ผู้จ่ายซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ยังคงต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มอยู่
(ค) ในกรณีนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายไม่ครบ หรือขาดจำนวน หรือไม่นำส่งเลย
หรือล่วงเลยเวลาที่กำหนด ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม ตามมาตรา 27 แห่ง
ประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ชำระไว้ไม่ครบ หรือ
ขาดหรือไม่นำส่งหรือล่วงเลยเวลาที่กำหนด
(2) ความรับผิดทางอาญา
การไม่หักภาษี ณ ที่จ่ายไม่เป็นเหตุให้ไม่ต้องนำส่งเงินภาษี ผู้จ่ายเงินจึงยังคงมี
หน้าที่ยื่นรายการนำส่งภาษีตามปกติ หากไม่ยื่นรายการย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 17 แห่ง
ประมวลรัษฎากร มีความผิดตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000
บาท
2. ในการคำนวณภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น ถ้าสามีและภริยาอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่
ล่วงมาแล้ว ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิด
ในการยื่นรายการ และเสียภาษี… การที่สามีภริยาอยู่ต่างท้องที่กัน หรือต่างคนต่างอยู่เป็นครั้งคราว
ยังคงถือว่าอยู่ร่วมกัน… ถ้าสามีหรือภริยามีความประสงค์จะแยกยื่นรายการแยกกันก็ให้ทำได้ โดยแจ้ง
ให้พนักงานประเมินทราบภายในเวลาซึ่งกำหนดให้ยื่นรายการ แต่การแยกกันยื่นรายการนั้น ไม่ทำให้ภาษี
ที่ต้องเสียเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 57 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร และถ้าภริยามี
เงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (1) ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ไม่ว่าจะมีเงินได้พึงประเมินอื่นด้วยหรือไม่
ภริยาจะแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40
(1) โดยมิให้ถือเป็นเงินได้ของสามี ตามมาตรา 57 ตรี ก็ได้ ตามมาตรา 57 เบญจ แห่ง
ประมวลรัษฎากร
กรณีตามข้อเท็จจริง ภริยามีเงินได้ประเภทเงินเดือน หรือ ตามมาตรา 40 (1) ในปีภาษี
และมีเงินได้ประเภทเงินปันผล หรือ ตามมาตรา 40 (4) (ข) ภริยามีสิทธิเลือกจะแยกยื่น
แบบแสดงรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีได้เฉพาะเงินได้ประเภทเงินเดือนเท่านั้น โดยมิให้ถือว่า
เป็นเงินได้ของสามี ส่วนเงินได้ประเภทเงินปันผลซึ่งเป็นเงินได้ของภริยา กฎหมายให้ถือว่าเป็นเงินได้
ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และรับผิดในการยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษี แต่อย่างไรก็ตามถ้าภริยา
ประสงค์จะนำเงินได้ประเภทเงินปันผลไปแยกยื่นต่างหากจากสามีก็ให้ทำได้ โดยแจ้งต่อพนักงานประเมิน
ทราบภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป และผลของการแยกยื่นนั้นจะต้องไม่ทำให้ภาษีที่ต้องเสีย
เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
3. การขอคืนภาษีอากรมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มีบัญญัติว่า “เว้น แต่จะมี
บทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น การขอคืนภาษีอากรและภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้ว เป็นจำนวนเงิน
เกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษีหรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วัน
สุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่…
…และให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ผู้มีสิทธิขอคืนมี ภูมิลำเนา
หรือ ณ สถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด”
กรณีตามข้อเท็จจริง การขอคืนภาษีอากร ผู้มีสิทธิขอคืนมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปี
นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการคือนับแต่วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่มีเงินได้

เลขตู้ : 61/27328



ขอบคุณบทความจาก :: https://www.rd.go.th 
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com
 574
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores