เลขที่หนังสือ | : กค 0702/10780 |
วันที่ | : 26 ธันวาคม 2559 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีประกอบกิจการขนส่งสินค้าแช่แข็ง |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(10) มาตรา 77/2(1) และคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528ฯ ข้อ 8(2) |
ข้อหารือ | บริษัทฯ ประกอบกิจการขนส่งสินค้าแช่แข็ง ได้ทำสัญญารับจ้างขนส่งสินค้าแช่แข็งประเภทปลา อาหารทะเลแช่แข็งกับผู้ว่าจ้าง โดยมีเงื่อนไขสำคัญของสัญญา ดังนี้ - บริษัทฯ ต้องมีใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ตามมาตรา 608 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ - อัตราค่าขนส่งขึ้นอยู่กับระยะทางของสำนักงานสาขาปลายทางของผู้ว่าจ้างที่รับสินค้า - ต้องมีการตรวจนับสินค้าก่อนนำสินค้าขึ้นรถและลงรถ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของลูกค้า (ป้องกันความผิดพลาด) - บริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบ หากสินค้าเสียหาย หรือสูญหายระหว่างขนส่ง - บริษัทฯ ต้องรักษาและขนส่งด้วยความระมัดระวังดังเช่นผู้มีวิชาชีพเฉพาะในการรับขนส่งสินค้าพึงกระทำ - รักษาอุณหภูมิตลอดระยะเวลาขนส่งจนกว่าจะส่งมอบสินค้า - มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลอุณหภูมิภายในรถขนส่งตลอดการเดินทางเพื่อให้ตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ - ตรวจสอบสภาพรถให้สมบูรณ์ปีละ 2 ครั้ง - รักษาสภาพบรรจุภัณฑ์ (กล่อง) สินค้าด้วยความระมัดระวัง - ส่งมอบสินค้าพร้อมบิลเอกสารไปยังสำนักงานสาขาของผู้ว่าจ้าง - รถบรรทุกห้องเย็นสามารถรักษาอุณหภูมิที่กำหนดไว้ (-18 องศาเซลเซียส) - บริษัทฯ ต้องทำประกันภัยสินค้า หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ว่าจ้าง บริษัทฯ ต้องดูแลรักษาความสะอาดยานพาหนะ ตลอดจนอบรมพนักงานขับรถ แต่งกายตามระเบียบ ความประพฤติเรียบร้อย ตามระเบียบของผู้ว่าจ้าง บริษัทฯ ขอหารือว่า 1. ผู้ว่าจ้างมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0 สำหรับการจ่ายค่าบริการขนส่งในราชอาณาจักร ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ใช่หรือไม่ 2. ค่าจ้างตามสัญญาได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | ตามสัญญาจ้างขนส่งสินค้าแช่แข็งประเภทปลา อาหารทะเลแช่แข็ง ซึ่งบริษัทฯ ต้องจัดหารถบรรทุกห้องเย็นที่รักษาอุณหภูมิได้ตามกำหนด เพื่อขนส่งสินค้าของผู้ว่าจ้างไม่ให้เสื่อมคุณภาพ โดยได้รับค่าบริการขนส่งสินค้าที่รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในการนำส่งสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทางตามที่ระบุในใบส่งของแต่ละฉบับ และบริษัทฯ ยังมีหน้าที่อีกหลายประการ เช่น 1. บริษัทฯ ต้องจัดรถมารับสินค้าที่ต้นทางพร้อมตรวจสอบน้ำหนัก รายการ จำนวนสินค้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ของผู้ว่าจ้างและนำส่งยังปลายทางพร้อมบิลรายการตามเวลาที่ผู้ว่าจ้างกำหนดอย่างเคร่งครัด 2. บริษัทฯ มีหน้าที่เก็บรักษาและขนส่งสินค้าด้วยความระมัดระวัง ต้องรักษาอุณหภูมิให้ได้ตามมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างกำหนดตลอดระยะเวลาการขนส่งจนกระทั่งส่งมอบสินค้า 3. รถทุกคันที่ใช้ขนส่งสินค้าต้องมีอุปกรณ์เก็บข้อมูลอุณหภูมิตลอดระยะเวลาการขนส่ง และต้องตรวจสอบความสามารถในการทำอุณหภูมิให้ได้ตามที่กำหนดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 4. บริษัทฯ ต้องดูแลรักษาอุปกรณ์ ภาชนะบรรจุสินค้าต่างๆ และนำส่งกลับคืนให้ผู้ว่าจ้างในสภาพเดิมและต้องชดใช้ตามมูลค่าของอุปกรณ์ ภาชนะบรรจุ หากมีความเสียหายเกิดขึ้น 5. บริษัทฯ ต้องดูแลรักษาความสะอาดของพาหนะ ตลอดถึงการอบรมดูแลพนักงานให้มีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย แต่งกายถูกต้องตามระเบียบของผู้ว่าจ้าง สะอาดเหมาะสม ไม่ก่อการทะเลาะวิวาท ไม่สูบบุหรี่ ไม่เมาสุรา หรือสารเสพติดจากข้อกำหนดเกี่ยวกับงานที่ว่าจ้างในสัญญาดังกล่าว เห็นว่ามีวัตถุประสงค์และการกระทำที่มุ่งถึงผลสำเร็จของงานมากกว่าที่จะขนสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพียงอย่างเดียว เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น การให้บริการรับจ้างขนส่งสินค้าโดยใช้รถยนต์ที่มีห้องควบคุมอุณหภูมิดังกล่าว ถือเป็นการให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1(10) และมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร และผู้จ่ายค่าบริการซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 8 (2) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 |
เลขตู้ | : 79/40277 |