เลขที่หนังสือ | : 0702/2305 |
วันที่ | : 18 มีนาคม 2559 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการได้รับเงินอุดหนุนเพื่อดำเนินการด้านงานวิจัย |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 40(8) มาตรา 65 ทวิ (4) มาตรา 77/2 และมาตรา 81(1)(ฎ) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
มูลนิธิฯ ได้จัดตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
|
แนววินิจฉัย |
1. กรณีมูลนิธิฯ ทำสัญญาการรับทุนสนับสนุน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน กลุ่มงานโครงการสาธิตหรือริเริ่ม ปีงบประมาณ 2558 ที่ สนอ. 08-03-58-002 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 (สัญญาฯ) กับกระทรวงพลังงาน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาโคมไฟถนนแอลอีดีที่มีความทนทานต่อกระแสไฟกระชากสูง ในวงเงิน 13,900,000 บาท ทั้งนี้ ในสัญญากำหนดให้มูลนิธิฯ จัดทำแผนค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาโครงการ รายงานความคืบหน้าการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่มูลนิธิฯ เสนอไป โดยทรัพย์สินที่ได้จัดซื้อเพื่อพัฒนาโครงการให้ขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของทางมูลนิธิฯ และหากมีทรัพย์สิน ทางปัญญาเกิดขึ้นให้ถือว่ามูลนิธิฯ และกองทุนฯ เป็นเจ้าของร่วมกัน รวมถึงการระงับการให้การสนับสนุน ดังนั้น เงินหรือทรัพย์สินที่มูลนิธิฯ ได้รับดังกล่าวถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร มิใช่เงินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 65 ทวิ (13) แห่งประมวลรัษฎากร มูลนิธิฯ ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 250) พ.ศ. 2535
|
เลขตู้ | : 79/40059 |