• Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/01746 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ

เลขที่หนังสือ กค 0811/01746 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ

  • Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/01746 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ

เลขที่หนังสือ กค 0811/01746 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ

เลขที่หนังสือ : กค 0811/01746
วันที่ : 24 กุมภาพันธ์ 2542
เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ
ข้อกฎหมาย : มาตรา 65 ตรี, พระราชกำหนด (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 ฯ
ข้อหารือ : บริษัทฯ ขอทราบถึงปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังมีข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาสรุปได้ดังนี้
1. ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 30 มิถุนายน2541 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราขั้นต่ำให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ดังนี้
ลูกหนี้ที่จัดชั้น อัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ
ลูกหนี้ปกติ 1
ลูกหนี้ที่กล่าวถึงพิเศษ 2
ลูกหนี้จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน 20
ลูกหนี้จัดชั้นสงสัย 50
ลูกหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญ 100
บริษัทฯ เข้าใจว่า ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองสูงกว่าอัตราร้อยละขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ธนาคารฯ มีสิทธินำเงินสำรองดังกล่าวทั้งจำนวนไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ โดยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17)พ.ศ.2540 แต่อย่างใด
2. ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2540 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรอง สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้หลายอัตรา โดยมีลักษณะเป็นอัตราที่แน่นอนตายตัว เช่น ร้อยละหนึ่งร้อยหรือร้อยละสิบห้า เป็นต้น
บริษัทฯ เข้าใจว่า กรณีที่ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสูงกว่าอัตราร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ธนาคารฯ ไม่มีสิทธินำเงินดังกล่าวเฉพาะส่วนที่สูงกว่าอัตราร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าว ต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17)พ.ศ.2540
3. บริษัทฯ ขอทราบว่า กรณีที่มีการตั้งเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญลดลงสำหรับส่วนที่ได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วและในส่วนที่ไม่ได้นำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จะมีผลในทางภาษีอากรต่างกันหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย : 1. ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 บัญญัติว่า"(ค) เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับหนี้จากการ ให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุนบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันไว้ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์แล้วแต่กรณี ทั้งนี้เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าว ที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน....."ตามบทบัญญัติข้างต้นจะเห็นได้ว่าหากธนาคารฯ ได้กันเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ ก็จะมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน
2. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สูงกว่าอัตราร้อยละขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2541 นั้น ธนาคารฯ มีสิทธินำเงินสำรองดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิทั้งจำนวน โดยกรณีไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2540 แต่อย่างใด เนื่องจากธนาคารฯ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์แล้ว
3. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สูงกว่าอัตราร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2540 นั้น ธนาคารฯ ไม่มีสิทธินำเงินสำรองส่วนที่สูงกว่าอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาที่สิ้นสุดในวันที่ 3 1 ธันวาคม 2540 เนื่องจากกรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์
4. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ ลดลงแยกพิจารณาได้ดังนี้ 4.1 กรณีธนาคารฯ ได้ตั้งเงินสำรองลดลง โดยธนาคารฯ ได้นำเงินสำรองดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไปแล้วนั้น ธนาคารฯ มีหน้าที่ต้องนำเงินสำรองดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น ตามมาตรา 65 ตรี
(1) (ค)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 4.2 กรณีธนาคารฯ ได้ตั้งเงินสำรองลดลง โดยธนาคารฯ ไม่ได้นำเงินสำรองดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ธนาคารฯ ไม่มีหน้าที่ต้องนำเงินสำรองที่ตั้งลดลงดังกล่าว มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลง ตามมาตรา 65 ตรี(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับ
ที่ 17) พ.ศ. 2540 แต่อย่างใด
เลขตู้ : 62/27565


ขอบคุณบทความจาก ::www.rd.go.th
 534
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores