ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (Value Added Tax) ที่เราเรียกติดปากเป็นอีกอีกหนึ่งภาษีที่คนทั่วไปไม่ชอบ เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีทางอ้อมที่ทางรัฐบาลได้เรียกเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มจะเป็นการเก็บจากการซื้อขายสินค้าหรือการให้บริการและสินค้านำเข้าเป็นหลัก โดยมีกรมสรรพากรเป็นผู้รับผิดชอบในการเก็บภาษี โดยปกติแล้วจะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 10% แต่ปัจจุบันมีกฎหมายพิเศษทำให้อัตราการเก็บภาษีลดลงเหลือ 7% ต่อปี และและใช้วิธีต่ออายุแบบรายปี
กฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่ผู้ขายสินค้าหรือให้บริการที่มีการขายสินค้าหรือบริการเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบบริษัท ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หากรายได้จากการประกอบธุรกิจเกินกว่า 1.8 ล้านบาท การจดภาษีมูลค่าเพิ่ม คือสิ่งที่ไม่ควรลืม
ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค “ผู้บริโภคเป็นคนจ่ายภาษี” ส่วนคนขายหรือผู้ให้บริการไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้บริโภคในที่นี้ คือคนที่ไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างเช่น พนักงานบริษัทรวมถึงบุคคลทั่วไป และร้านค้าที่ไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเก็บจากคนธรรมดาไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัทและคนที่มีหน้าที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มคือ คนที่ขายสินค้าให้กับคนที่ให้บริการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีขาย คือ เป็นภาษีที่เก็บจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือเก็บจากคนที่รับบริการเมื่อขายสินหรือหรือรับชำระค่าบริการ จะต้องนำส่งให้กรมสรรพากร โดยผู้ให้บริการจะเรียเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกับราคาสินค้าหรือแยกเก็บภาษีต่างหากก็ได้
ที่มา : ภาษีขาย (cad.go.th)
ภาษีซื้อ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่คนขายสินค้าหรือให้บริการเก็บจากคนทั่วไป และสามารถนำภาษีไปขอคืน หรือนำไปหัก กับภาษีขายได้
ภ.พ. 30 คือ แบบแสดงรายการสรุปสำหรับภาษีซื้อและภาษีขาย เพื่อนำข้อมูลส่วนนี้ส่งไปยังกรมสรรพากรโดยต้องนำส่งทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือจะยื่นผ่านออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งการยื่นแบบ ภ.พ. 30 นี้ จะเป็นการรวบรวมกิจกรรมการซื้อขายทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเดือนแต่ละเดือน ซึ่งถ้าหากไม่มียอดซื้อขายเลย ก็สามารถนำส่งแบบเปล่าได้
การเตรียมตัวและเตรียมเอกสารสำหรับยื่น ภ.พ. 30 นั้น ต้องมีการจัดเก็บเอกสารใบกำกับภาษีซื้อตัวจริง และสำเนาใบกำกับภาษีขายในแต่ละเดือน เพื่อนำมาทำเป็นรายงานภาษีซื้อและภาษีขาย แล้วการนำส่งสรรพากรนั้นจะต้องทำเอกสาร 2 ชิ้นด้วยกัน นั่นคือ ภ.พ. 30 และใบแนบ ภ.พ. 30 ซึ่งคือรายละเอียดภาษีซื้อและภาษีขายในรอบเดือนนั้นๆ
กิจการที่จด VAT ต้องยื่นภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น ถ้ามีรายการซื้อขายสินค้า/บริการที่มี VAT เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน กิจการจะต้องยื่นแบบภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนกรกฎาคม และหากวันที่ 15 ของเดือนกรกฎาคมตรงกับวันหยุด ก็ยื่นแบบภาษีได้จนถึงวันทำการถัดไปครับ และหากกิจการไหนที่จดทะเบียนยื่นแบบภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็จะมีกำหนดเวลาในการยื่นภาษีมากกว่าปกติ เพิ่มอีก 8 วันด้วย
ขอบคุณบทความจาก :: www.rd.go.th
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com