ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า (ฉบับที่ 4)
เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย มีบัญชีพิเศษ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากร มีบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายและการนำส่งภาษี และให้กรอกข้อความในบัญชีดังกล่าว ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากร มีบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายและการนำส่งภาษี และบัญชีพิเศษดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีข้อความตามแบบแนบท้ายประกาศนี้
ข้อ 2 การกรอกข้อความในบัญชีพิเศษดังกล่าวสำหรับรายการการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้แยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากรแห่งหนึ่ง และกรณีอื่น ๆ อีกกรณีหนึ่ง ส่วนรายการการนำส่งภาษีให้แยกตามใบเสร็จรับชำระภาษีอากรของกรมสรรพากรเป็นรายฉบับ
ข้อ 3 วิธีการกรอกข้อความในบัญชีพิเศษให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) กรอกรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยรวมจำนวนเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายประจำวันของแต่ละกรณีตามข้อ 2 โดยให้แยกเป็นรายการหักจากบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลและกรอกรายการการนำส่งภาษีประจำวันโดยให้แยกตามใบเสร็จรับชำระภาษีอากรของกรมสรรพากรเป็นรายฉบับ เรียงลำดับก่อนหลังตามวันที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือการนำส่งภาษี
(2) เมื่อสิ้นวันสุดท้ายของเดือนให้รวมยอดจำนวนเงินหักภาษี ณ ที่จ่าย และจำนวนภาษีที่นำส่งแล้วทั้งสิ้นในเดือนนั้นของแต่ละรายการด้วย
ข้อ 4 การกรอกข้อความในบัญชีพิเศษให้ทำเป็นภาษาไทย ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับส่วนตัวเลขจะใช้เลขไทยหรือเลขอารบิคก็ได้ หรือจะลงเป็นรหัสด้วยเครื่องจักรทำบัญชีก็ได้ แต่ต้องส่งคำแปรรหัสเป็นภาษาไทยต่อเจ้าพนักงานประเมินสำหรับท้องที่สำนักงานของผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายนั้นตั้งอยู่
การกรอกข้อความตามวรรคหนึ่ง ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันถัดจากวันที่รายการดังกล่าวเกิดขึ้น
ข้อ 5 ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย เก็บรักษาบัญชีพิเศษดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าห้าปีที่สำนักงานที่มีการจ่ายเงินได้ และพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ทันที
ข้อ 6 กรณีดังต่อไปนี้ ไม่อยู่ในบังคับตามประกาศนี้
(1) การจ่ายเงินที่มีการตั้งฎีกาเบิกเงินจากคลัง
(2) การจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยตั๋วเงินของธนาคาร สหกรณ์ บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม
(3) กรณีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และต้องนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียน
(4) กรณีอื่นตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ข้อ 7 การปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจสั่งการเป็นอย่างอื่นก็ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อมูลเพิ่มเติม Click
ขอบคุณบทความจาก :: www.rd.go.th
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com