หลักการจัดเก็บอากรขาเข้า อากรขาออก

หลักการจัดเก็บอากรขาเข้า อากรขาออก


หลักการจัดเก็บอากรขาเข้า อากรขาออก


1.อากร หมายถึง เงินรายได้ของประเทศที่กฎหมายกำหนดให้กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานจัดเก็บจากการนำของเข้ามาในหรือส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร หรือ จากกรณีอื่นๆ ตามที่บัญญัติในกฎหมายศุลกากรและกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ตลอดจนกฎหมายอื่นที่กำหนดให้เป็นอากรศุลกากร

2.ของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร เป็นของที่ต้องเสียอากร  สามารถค้นหาอัตราอากร ได้จากพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530   โดยภาค 2 เป็นอัตราสำหรับการนำเข้า ทั้งนี้ ต้องมีความรู้ในเรื่องการจัดพิกัดของของ ที่เรียกว่า ระบบฮาร์โมไนซ์  (สากล เป็นชุดเลขรหัส 6 หลัก แต่อาเซียนตกลงกันภายในจัดแบ่งย่อยเป็น 8 หลัก )  ภาค 3 เป็นอัตราสำหรับการส่งออก นอกจากนี้ในพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร ยังมีของที่กฎหมายกำหนดให้ได้รับยกเว้นอากรหากนำของเข้า หรือ ส่งของออก แล้วแต่กรณี แต่ต้องมีลักษณะตามเงื่อนไขที่กำหนด  โดยสามารถค้นหาได้จาก ภาค 4 ว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากร


3.อัตราภาษีที่เรียกเก็บ บางประเภทเรียกเก็บตามสภาพ บางประเภทเรียกเก็บตามราคา บางประเภทเรียกเก็บทั้งตามสภาพ และ ตามราคา

>>>> ตามสภาพ หมายถึง อัตราที่เรียกเก็บตามจำนวน ปริมาตร ปริมาณ เช่น กระบือตัวละ 500 บาท น้ำมันลิตรละ 0.50 บาท เป็นต้น
>>>> ตามราคา หมายถึง อัตราที่รียกเก็บตามร้อยละของราคาศุลกากร เช่น  รองเท้านำเข้า  อัตรา 30 %ของราคา CIF ไม้ส่งออก อัตรา 10% ของราคาFOB
>>>> ของใดที่กฎหมายกำหนดให้มีทั้งอัตราตามสภาพ และ อัตราตามราคา ให้คำนวณทั้ง 2 แบบ และให้ชำระอากรตามแบบที่คำนวณอากรได้สูงสุด

4.ของนำเข้าที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออก ไม่ว่าจะส่งออกในสภาพเดิม หรือ ในสภาพที่ผ่านกระบวนการผลิต สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรที่รัฐบาลกำหนดเพื่อส่งเสริมการส่งออก โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรมีทั้ง การคืนอากรที่ได้ชำระแล้ว หรือ การยกเว้นอากรขาเข้า อากรขาออก ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ต้องทำตามเงื่อนไข วิธีการที่กฎหมายหรือประกาศกำหนด

5.การชำระอากร ให้ยื่นใบขนสินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ปัจจุบันเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่การนำเข้า ส่งออก บางประเภท กรมศุลกากรอนุญาตให้ไม่ต้องจัดทำใบขนสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้นำของเข้า หรือ ผู้ส่งของออก เช่น  ของทางไปรษณีย์   ของติดตัวผู้โดยสาร 

อากรที่ชำระไว้เกินสามารถขอคืนเงินได้ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ หากชำระอากรไว้ขาดกรมศุลกากรมีสิทธิ์เรียกเก็บอากรที่ขาดได้ตามกำหนดเวลา   

6.ผู้นำของเข้า หรือ ผู้ส่งของออก หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทางศุลกากร ต้องเก็บเอกสารที่ใช้ในการศุลกากรตามที่กรมศุลกากรกำหนด 5 ปี นับแต่วันนำของเข้าหรือส่งของออก  และหากเลิกกิจการต้องเก็บไว้อีก 2 ปี นับแต่วันเลิกกิจการ

7.การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีบทลงโทษ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา   

อบคุณบทความจาก :: กรมศุลกากร
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com
 428
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores