• Home

  • Blog

  • กฎหมาย/ภาษี

  • กรมสรรพากรขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ออกไปอีก 3 ปี

กรมสรรพากรขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ออกไปอีก 3 ปี

  • Home

  • Blog

  • กฎหมาย/ภาษี

  • กรมสรรพากรขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ออกไปอีก 3 ปี

กรมสรรพากรขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ออกไปอีก 3 ปี



               นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และ
นวัตกรรมออกไปอีก 3 ปี เพื่อผลักดันการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง”

               นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความส าคัญของการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2565) ส าหรับการบริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation ให้แก่ 1) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา 2) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข 3) กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 4) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

              บุคคลธรรมดา ให้สามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจ านวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5)
หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร

              บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของก าไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร”

               อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมกันพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ของประเทศ ทั้งยังช่วยให้การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมและการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะท าให้สามารถยกระดับขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นกลไกส าคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป”

อบคุณบทความจาก :: กรมสรรพากร
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com
 234
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores