• Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/02023 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการนับระยะเวลาการทำงานจากการโอนเปลี่ยนนายจ้าง สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน

เลขที่หนังสือ กค 0811/02023 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการนับระยะเวลาการทำงานจากการโอนเปลี่ยนนายจ้าง สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน

  • Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/02023 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการนับระยะเวลาการทำงานจากการโอนเปลี่ยนนายจ้าง สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน

เลขที่หนังสือ กค 0811/02023 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการนับระยะเวลาการทำงานจากการโอนเปลี่ยนนายจ้าง สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน

เลขที่หนังสือ : กค 0811/02023
วันที่ : 2 มีนาคม 2542
เรื่อง : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการนับระยะเวลาการทำงานจากการโอนเปลี่ยนนายจ้าง สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน
ข้อกฎหมาย : มาตรา 27, มาตรา 48, มาตรา 50, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)ฯ
ข้อหารือ : บริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกันของบริษัท ค ประเทศเยอรมัน โดยที่บริษัท ข ประกอบธุรกิจบริหารการขายและการตลาดผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ซึ่งผลิตโดยบริษัท ก ต่อมาได้มีการปรับโครงสร้างบริษัททั้งสองใหม่ โดยแยกส่วนบริหารการขายและการตลาดเฉพาะผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ของบริษัท ข มารวมกับบริษัท ก และได้โอนย้ายพนักงานผู้ทำงานในส่วนดังกล่าวมาอยู่กับบริษัทฯด้วย โดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากพนักงาน ทั้งมีเงื่อนไขว่าบริษัทฯ จะนับอายุการทำงานของพนักงานต่อเนื่องไปด้วยและบริษัท ข มิได้บอกกล่าวเลิกจ้างพนักงานและมิได้จ่ายเงินชดเชยใด ๆ บริษัท ก จึงขอทราบเกี่ยวกับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ดังนี้
1. พนักงานสองคนได้ทำงานให้กับบริษัท ข คนที่ 1 ทำงานเป็นเวลา 20 ปี พนักงานคนที่
2 ทำงานเป็นเวลา 3 ปี ต่อมาเมื่อโอนมาทำงานกับบริษัท ก ปรากฏว่าคน 1 ทำงานกับบริษัท ก เป็นเวลา 2 ปี (รวมทำงาน 22 ปี) และคนที่ 2 ทำงานกับบริษัท ก เป็นเวลา 2 ปี (รวมทำงาน 5 ปี)พนักงานทั้งสองจึงได้ลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้าง และได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานจากบริษัท ก กรณีนี้พนักงานทั้งสองจะมีสิทธิเลือกเสียภาษีตามมาตรา 48 (5) แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ และบริษัท ก จะต้องคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ใช่หรือไม่
2. กรณีตาม 1. บริษัท ก ได้ออกภาษีให้แก่พนักงาน แต่บริษัท ก ได้คำนวณหักภาษี ณที่จ่าย สำหรับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรไปแล้ว บริษัท ก จะมีสิทธิขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่นำส่งไว้เกินหรือไม่ และมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร
แนววินิจฉัย : หากบริษัท ข
1. ได้โอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไปพร้อมกับพนักงานนั้น โดยไม่ได้จ่ายเงินได้ประเภทเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานให้กับพนักงานเมื่อได้โอนงานนั้น จึงมีสิทธินับระยะเวลาการทำงานของพนักงานกับบริษัท ก ต่อจากที่ได้ทำไว้กับบริษัท ข ได้ ดังนั้น 1.1 หากพนักงานมีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี และได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน จะเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินประเภทอื่นตามมาตรา 48 (5)แห่งประมวลรัษฎากรก็ได้ และบริษัท ก ผู้จ่ายเงินได้จะต้องคำนวณหักภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (5)ตามมาตรา 50 (1) วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามข้อ2 ข้อ 3 และข้อ 4 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)ฯ ลงวันที่ 24กันยายน พ.ศ. 2535 1.2 เมื่อบริษัท ก ได้ออกภาษีให้แก่พนักงานผู้มีเงินได้ โดยได้คำนวณและนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินได้ดังกล่าวตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรไปแล้ว หากภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่นำส่งไปแล้ว มีจำนวนดังนี้
(1) มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนที่คำนวณตามเกณฑ์ในมาตรา 48(5) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัท ก มีหน้าที่นำส่งเพิ่มเติมพร้อมเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร
(2) มีจำนวนมากกว่าจำนวนที่คำนวณตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าพนักงานถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกินไป พนักงานเป็นผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีที่ถูกหักไว้เกินนั้น บริษัท ก ไม่มีสิทธิขอคืนเงินภาษีดังกล่าวได้ เพราะเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของพนักงานผู้มีเงินได้ และสิทธิในการขอคืนเงินภาษีเป็นสิทธิเฉพาะตัวของพนักงานผู้มีเงินได้เท่านั้น เว้นแต่พนักงานจะมอบอำนาจให้บริษัท ก เป็นผู้ขอคืนเงินภาษีก็สามารถกระทำได้
2. ไม่ได้โอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไปพร้อมกับพนักงานนั้น เพียงแต่ตั้งค้างจ่ายไว้ในบัญชี พนักงานไม่สามารถนับอายุการทำงานในบริษัท ข และบริษัท ก ต่อเนื่องกันได้
เลขตู้ : 62/27594


ขอบคุณบทความจาก ::www.rd.go.th
 492
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores