• Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/08519 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม

เลขที่หนังสือ กค 0811/08519 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม

  • Home

  • Blog

  • ข้อหารือภาษีอากร

  • เลขที่หนังสือ กค 0811/08519 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม

เลขที่หนังสือ กค 0811/08519 ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม

เลขที่หนังสือ : กค 0813/08519
วันที่ : 11 มิถุนายน 2541
เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม
ข้อกฎหมาย : มาตรา 40, มาตรา 70 ทวิ, มาตรา 71(1), มาตรา 76 ทวิ, มาตรา 80, มาตรา 80/1(4), ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28)
ข้อหารือ : กรมอาชีวศึกษาขอทราบเรื่องแนวปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีเงินได้และหรือภาษีอื่นใดกรณีกรมอาชีวศึกษาจะว่าจ้างนิติบุคคลต่างประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมทางการฝึกอบรมทางการศึกษาเพื่อฝึกอบรมภายในประเทศให้กับ ครู-อาจารย์ ของสถานศึกษาในสาขาวิชาอิเล็คทรอนิกส์ไฟฟ้าเทคนิคการผลิต ปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมการต่อเรือระยะเวลาการฝึกอบรมระหว่าง 6-16เดือนด้วยวิธีประกวดราคานานาชาติตามข้อกำหนดของแหล่งเงินกู้จากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น (OECF)
แนววินิจฉัย : 1. ค่าตอบแทนจากการฝึกอบรมที่นิติบุคคลต่างประเทศได้รับจากรมอาชีวศึกษา ถือเป็นกำไรธุรกิจตามนัยข้อ 7 ของอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับแคนาดา และความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับออสเตรเลีย
2. กรณี Southern Alberta Institute of Technology (SAIT) สถาบันฝึกอบรมของรัฐบาลประเทศแคนาดา ดำเนินการฝึกอบรม ณ วิทยาลัยเทคนิคระยองเป็นระยะเวลา 11 เดือนถือว่า SAIT มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามนัยข้อ 5 วรรค 3 (ข) ของอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับแคนาดา
3. กรณี International Training Australia Pty.Ltd. (ITA) และ Sydney Institure of Technology (SIT) สถาบันฝึกอบรมของประเทศออสเตรเลีย ดำเนินการฝึกอบรมในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 16 เดือน และ 12 เดือนตามลำดับ ถือว่า ITA และ SIT มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามนัยข้อ 5 วรรค 2 (ฌ) ของความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับออสเตรเลีย4. สถาบันทั้ง 3 แห่งดังกล่าวซึ่งเป็นนิติบุคคลของต่างประเทศมีลูกจ้างผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อในประเทศไทยซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้ในประเทศไทย ถือว่านิติบุคคลนั้นประกอบกิจการในประเทศไทยและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิตามนัยมาตรา 76 ทวิ แห่ง
ประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 7 วรรค 1 แห่งอนุสัญญาฯ ระหว่างไทยกับแคนาดา และความตกลงฯระหว่างไทยกับออสเตรเลีย โดยลูกจ้าง ผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษีในประเทศไทยในกรณีที่ไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่
อย่างใดจะมากกว่า ตามนัยมาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยอนุโลมหากนิติบุคคลดังกล่าวจำหน่ายเงินกำไรออกจากประเทศไทย ต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้จากการจำหน่ายเงินกำไรในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรที่จำหน่ายออกจากประเทศไทยด้วยทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร5. ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม สถาบันทั้ง 3 แห่งจะได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการกับกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังเฉพาะการกู้เงินจากรัฐบาลของต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ตามนัยมาตรา 80/1 (4)แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับ 28)ฯ ลงวันที่ 5มีนาคม พ.ศ. 2535
6. ในกรณีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเดินทางเข้ามาดำเนินการฝึกอบรมในประเทศไทย ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 183 วันในปีภาษีที่เกี่ยวข้อง และค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากการเข้ามาฝึกอบรมได้จ่ายโดยหรือในนามของนายจ้างในประเทศถิ่นที่อยู่ของตน และค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากการเข้ามาฝึกอบรมในประเทศไทย ไม่ตกเป็นภาระแก่สถานประกอบการถาวรหรือฐานประกอบการประจำที่นายจ้างมีอยู่ในประเทศไทยผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะอยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีตามข้อ 15 ของอนุสัญญาฯ ระหว่างไทยกับแคนาดา และความตกลงฯ ระหว่างไทยกับออสเตรเลียแต่หากไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับยกเว้นภาษีครบทั้ง 3 กรณีตามนัยบทบัญญัติข้อ 15 ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะ
ต้องนำเงินได้หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่งานในประเทศไทย มายื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย โดยยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 หรือ 91 แล้วแต่กรณีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
7. กรมอาชีวศึกษาซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 40 ให้แก่นิติบุคคลใด จะต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่จ่ายทั้งสิ้น และภาษีที่หักไว้นี้ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของนิติบุคคลนั้นตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ กรมอาชีวศึกษามีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งนำส่งภาษีที่ได้คำนวณหักไว้ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนที่จ่ายเงินอนึ่ง สำหรับการจ่ายเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ จะต้องคำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้เป็นอัตราแลกเปลี่ยน ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยของวันถัดไป
เลขตู้ : 61/26807


ขอบคุณบทความจาก ::www.rd.go.th
 695
Visitor
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

Create a website for free Online Stores